Browse By

Tag Archives: การแข่งขัน

เดวิด มอยส์ เปิดใจหลังศึกเมอร์ซีย์ไซด์ ดาร์บี้ เอฟเวอร์ตัน พ่ายลิเวอร์พูล

ศึก เมอร์ซีย์ไซด์ ดาร์บี้แมตช์ ที่เต็มไปด้วยอารมณ์ ความดุดัน และความกดดันในทุกจังหวะ จบลงด้วยความผิดหวังของฝั่ง เอฟเวอร์ตัน ที่ต้องยอมรับความพ่ายแพ้ต่อ ลิเวอร์พูล 1-2 ที่แอนฟิลด์ สำหรับแฟนบอล เอฟเวอร์ตัน การแพ้ในเกมนี้ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ — เพราะพวกเขารู้ดีว่าสนามเหย้าของคู่ปรับร่วมเมืองเป็นสถานที่ที่ยากจะบุกมาเก็บแต้มได้ แต่สิ่งที่ทำให้เกมนี้น่าจดจำคือ “หัวใจของทีม” ที่ยังคงสู้จนวินาทีสุดท้าย หลังจบเกม เดวิด มอยส์ กุนซือมากประสบการณ์ชาวสกอตแลนด์ ซึ่งกลับมาคุมทีมเอฟเวอร์ตันอีกครั้งในซีซั่นนี้ ได้ออกมาเปิดใจอย่างตรงไปตรงมาว่า แม้ผลการแข่งขันจะไม่เป็นใจ แต่เขาภูมิใจในทัศนคติและความมุ่งมั่นของลูกทีมทุกคน “เราสู้เต็มที่แล้ว ลิเวอร์พูลเล่นได้ดีมากและสมควรชนะ แต่ผมภูมิใจในความพยายามของลูกทีม พวกเขาไม่ยอมแพ้จนจบ” — มอยส์ กล่าวหลังเกม 2. บรรยากาศก่อนเกม: ความทรงจำของดาร์บี้ที่ไม่เคยจาง ทุกครั้งที่เมอร์ซีย์ไซด์ ดาร์บี้มาถึง เมืองลิเวอร์พูลจะถูกแบ่งออกเป็นสองฝั่งอย่างชัดเจน — สีแดงของ “หงส์แดง ลิเวอร์พูล”

เวสต์แฮม ยูไนเต็ด หาทางออก หลังผลงานของ แกรม พ็อตเตอร์ ไม่เป็นไปตามคาด

เมื่อ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ประกาศแต่งตั้ง แกรม พ็อตเตอร์ (Graham Potter) เข้ามารับตำแหน่งเฮดโค้ชคนใหม่หลังยุคของ เดวิด มอยส์ จบลง แฟนบอล “ขุนค้อน” ทั่วเกาะอังกฤษต่างเต็มไปด้วยความหวังว่านี่จะเป็นการเริ่มต้นของยุคใหม่ที่สดใส การเปลี่ยนแปลงสไตล์การเล่นจากแนวตั้งรับเหนียวแน่นมาเป็นฟุตบอลเชิงรุกสร้างสรรค์ดูจะเป็นทิศทางที่ตอบโจทย์ยุคสมัย อย่างไรก็ตาม ฤดูกาลยังไม่ผ่านไปครึ่งทางดี ข่าวจากวงในของลอนดอน สเตเดียม กลับสะท้อนถึงบรรยากาศที่ไม่ราบรื่นเหมือนในวันเปิดตัว พ็อตเตอร์ต้องเผชิญทั้งแรงกดดันจากผลงานที่ไม่เข้าเป้า เสียงวิจารณ์จากแฟนบอล และความไม่แน่นอนในห้องแต่งตัว สถานการณ์ดังกล่าวทำให้บอร์ดบริหารของเวสต์แฮมเริ่มเตรียม “แผนสำรอง” เพื่อรับมือในกรณีที่ต้องเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ นี่คือจุดเปลี่ยนสำคัญที่อาจนิยามอนาคตของทีมในฤดูกาลนี้ และอาจส่งผลต่อเส้นทางอาชีพของ แกรม พ็อตเตอร์ อย่างลึกซึ้ง 2. จุดเริ่มต้นของยุคพ็อตเตอร์: จากความหวังสู่แรงกดดัน หลังจากสร้างชื่อกับ ไบรท์ตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบี้ยน ในฐานะกุนซือที่พาทีมเล็กต่อกรกับบิ๊กซิกซ์ได้อย่างกล้าหาญ พ็อตเตอร์ถูกยกให้เป็นหนึ่งในโค้ชที่มีแนวคิดฟุตบอลสมัยใหม่ที่สุดในอังกฤษ เขานำแนวทางการต่อบอลจากแดนหลัง การครองเกมด้วยความยืดหยุ่น และการปรับแท็กติกเฉพาะเกมมาใช้จนได้รับคำชมจากนักวิเคราะห์ทั่วประเทศ

4 สโมสรจากพรีเมียร์ลีก พลาดท่าตกรอบสามศึก คาราบาว คัพ

ฟุตบอลอังกฤษขึ้นชื่อเรื่องการแข่งขันที่ดุเดือดและเต็มไปด้วยความเข้มข้น ไม่เพียงแต่ในพรีเมียร์ลีกเท่านั้น แต่ฟุตบอลถ้วยอย่าง คาราบาว คัพ (Carabao Cup) ก็สร้างดราม่าและเรื่องราวสุดเซอร์ไพรส์ให้แฟนบอลได้ติดตามแทบทุกปี รอบสามของฤดูกาลล่าสุดก็เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่สะท้อนให้เห็นถึงเสน่ห์และความโหดร้ายของเกมนัดเดียวรู้ผล เมื่อถึงคราวที่ทีมจากพรีเมียร์ลีกถึง 4 สโมสร ต้องโบกมือลารายการไปแบบไม่ทันตั้งตัว เหตุการณ์นี้ไม่เพียงสร้างความตกตะลึงให้กับแฟนบอล แต่ยังตอกย้ำให้เห็นว่า ฟุตบอลถ้วยไม่ใช่เวทีที่ใครจะประมาทได้ ทีมใหญ่ที่คิดว่าเกมกับทีมเล็กจะเป็นงานง่าย มักต้องพบจุดจบที่ไม่คาดฝัน และครั้งนี้ก็เช่นกัน การตกรอบของ 4 ทีมจากลีกสูงสุดคือข่าวใหญ่ที่ถูกพูดถึงอย่างกว้างขวางทั้งในสื่ออังกฤษและต่างประเทศ คาราบาว คัพ: ถ้วยเล็กที่ไม่เล็ก แม้หลายคนมองว่าคาราบาว คัพเป็นถ้วยเล็ก เมื่อเทียบกับพรีเมียร์ลีกหรือเอฟเอ คัพ แต่ความจริงแล้ว มันมีความหมายมากกว่านั้น เพราะนอกจากเป็นเวทีสร้างชื่อให้กับทีมเล็ก ยังเป็นโอกาสให้ทีมใหญ่คว้าโทรฟีเพื่อสร้างขวัญกำลังใจ อีกทั้งแชมป์ยังได้ตั๋วไปเล่นฟุตบอลยุโรป (ยูโรปา คอนเฟอเรนซ์ ลีก) อัตโนมัติ ในรอบสาม มักเป็นรอบที่ทีมจากพรีเมียร์ลีกเข้ามาแข่งขันกันอย่างพร้อมหน้า และนี่คือจุดที่มักเกิดเรื่องพลิกล็อกเสมอ เพราะบางทีมเลือกโรเตชันผู้เล่นเพื่อเก็บความสดไว้สำหรับลีก ผลที่ตามมาคือทำให้คู่แข่งจากลีกต่ำกว่ามีโอกาสสร้างปาฏิหาริย์ได้ 4 ทีมพรีเมียร์ลีกที่ต้องโบกมือลา

สตุ๊ตการ์ท เกือบจบเส้นทางป้องกันแชมป์ เดเอฟเบ โพคาล

ฟุตบอลถ้วยในเยอรมนี หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ เดเอฟเบ โพคาล (DFB-Pokal) คือหนึ่งในรายการแข่งขันที่เต็มไปด้วยความเข้มข้นและดราม่าที่ไม่สามารถคาดเดาได้เสมอมา ไม่ว่าทีมเล็กหรือทีมใหญ่ ต่างก็มีสิทธิ์สร้างประวัติศาสตร์ในเกมนัดเดียวจบ และสำหรับแฟนบอลของ สตุ๊ตการ์ท ฤดูกาลนี้คือบทพิสูจน์ครั้งสำคัญ เมื่อเส้นทางป้องกันแชมป์ของพวกเขาเกือบสะดุดลงอย่างน่าเหลือเชื่อ เกมล่าสุดที่ลงสนามในศึกเดเอฟเบ โพคาล กลายเป็นการแข่งขันที่สะกดทุกสายตา เพราะแชมป์เก่าอย่างสตุ๊ตการ์ทต้องเจอกับความกดดันมหาศาลจากทีมรองบ่อนซึ่งเล่นด้วยหัวใจเกินร้อย และเกือบทำให้ “ม้าขาว” ต้องตกรอบเร็วกว่าที่คิด ดราม่าในสนามจึงกลายเป็นหัวข้อใหญ่ที่สื่อเยอรมนีและแฟนบอลทั้งประเทศพูดถึง เส้นทางของสตุ๊ตการ์ทในฟุตบอลถ้วย สตุ๊ตการ์ทเป็นหนึ่งในสโมสรที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานในวงการฟุตบอลเยอรมนี แม้จะไม่ได้ประสบความสำเร็จมากเท่า บาเยิร์น มิวนิค หรือโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ แต่ก็มีแฟนบอลเหนียวแน่นและเป็นทีมที่มีเอกลักษณ์การเล่นเฉพาะตัว การคว้าแชมป์เดเอฟเบ โพคาลเมื่อฤดูกาลก่อนถือเป็นความสำเร็จที่สร้างความภูมิใจให้กับสโมสร เพราะเป็นการยืนยันว่าพวกเขาสามารถต่อสู้กับทีมใหญ่ได้อย่างสูสี และสามารถก้าวขึ้นมาเป็นผู้พิชิตในเวทีที่เน้นความดุเดือดของการเล่นนัดเดียวจบ เกมที่เกือบเปลี่ยนประวัติศาสตร์ ในเกมรอบที่เพิ่งผ่านไป สตุ๊ตการ์ทลงสนามในฐานะแชมป์เก่า ท่ามกลางความคาดหวังของแฟนบอล แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกลับไม่เป็นไปตามแผน คู่แข่งที่พวกเขาเจอเล่นได้อย่างแข็งแกร่งและมีวินัยในเกมรับ กดดันจนเกมรุกของสตุ๊ตการ์ตขาดความไหลลื่น ตลอด 90 นาทีเต็ม แฟนบอลแทบหยุดหายใจเมื่อเห็นทีมรักถูกบุกกดดันต่อเนื่อง และต้องอาศัยความเหนียวแน่นของผู้รักษาประตู รวมถึงการประสานงานในช่วงท้ายเกมที่ทำให้พวกเขารอดพ้นจากการตกรอบอย่างหวุดหวิด