เวสต์แฮม ยูไนเต็ด หาทางออก หลังผลงานของ แกรม พ็อตเตอร์ ไม่เป็นไปตามคาด

Browse By

เมื่อ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ประกาศแต่งตั้ง แกรม พ็อตเตอร์ (Graham Potter) เข้ามารับตำแหน่งเฮดโค้ชคนใหม่หลังยุคของ เดวิด มอยส์ จบลง แฟนบอล “ขุนค้อน” ทั่วเกาะอังกฤษต่างเต็มไปด้วยความหวังว่านี่จะเป็นการเริ่มต้นของยุคใหม่ที่สดใส การเปลี่ยนแปลงสไตล์การเล่นจากแนวตั้งรับเหนียวแน่นมาเป็นฟุตบอลเชิงรุกสร้างสรรค์ดูจะเป็นทิศทางที่ตอบโจทย์ยุคสมัย

อย่างไรก็ตาม ฤดูกาลยังไม่ผ่านไปครึ่งทางดี ข่าวจากวงในของลอนดอน สเตเดียม กลับสะท้อนถึงบรรยากาศที่ไม่ราบรื่นเหมือนในวันเปิดตัว พ็อตเตอร์ต้องเผชิญทั้งแรงกดดันจากผลงานที่ไม่เข้าเป้า เสียงวิจารณ์จากแฟนบอล และความไม่แน่นอนในห้องแต่งตัว สถานการณ์ดังกล่าวทำให้บอร์ดบริหารของเวสต์แฮมเริ่มเตรียม “แผนสำรอง” เพื่อรับมือในกรณีที่ต้องเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่

นี่คือจุดเปลี่ยนสำคัญที่อาจนิยามอนาคตของทีมในฤดูกาลนี้ และอาจส่งผลต่อเส้นทางอาชีพของ แกรม พ็อตเตอร์ อย่างลึกซึ้ง


2. จุดเริ่มต้นของยุคพ็อตเตอร์: จากความหวังสู่แรงกดดัน

หลังจากสร้างชื่อกับ ไบรท์ตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบี้ยน ในฐานะกุนซือที่พาทีมเล็กต่อกรกับบิ๊กซิกซ์ได้อย่างกล้าหาญ พ็อตเตอร์ถูกยกให้เป็นหนึ่งในโค้ชที่มีแนวคิดฟุตบอลสมัยใหม่ที่สุดในอังกฤษ เขานำแนวทางการต่อบอลจากแดนหลัง การครองเกมด้วยความยืดหยุ่น และการปรับแท็กติกเฉพาะเกมมาใช้จนได้รับคำชมจากนักวิเคราะห์ทั่วประเทศ

การมารับงานที่ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด จึงดูเป็นการต่อยอดที่เหมาะสม เพราะสโมสรมีขุมกำลังที่น่าสนใจ ทั้ง จาร์ร็อด โบเว่น, ลูคัส ปาเกต้า, เจมส์ วอร์ด-เพราส์, และกัปตันอย่าง เคิร์ท ซูม่า รวมถึงการเสริมทัพในช่วงซัมเมอร์ที่เน้นนักเตะเทคนิคดีและอายุไม่มาก

แต่สิ่งที่ดูเหมือนเข้าที่ในช่วงปรีซีซั่น กลับเริ่มแสดงสัญญาณปัญหาทันทีเมื่อเข้าสู่ฤดูกาลจริง เวสต์แฮมเก็บชัยได้เพียงไม่กี่เกมในช่วง 10 นัดแรก เสียประตูมากเกินไป และที่สำคัญคือ “ขาดความต่อเนื่อง” ทั้งในเกมรุกและเกมรับ

ความหวังกลายเป็นแรงกดดันอย่างรวดเร็ว บอร์ดบริหารเริ่มมองหาคำตอบในเชิงโครงสร้าง โดยเฉพาะเมื่อเสียงแฟนบอลเริ่มดังขึ้นเรื่อย ๆ ในลอนดอน สเตเดียม


3. ปัญหาเชิงแท็กติก: เมื่อฟุตบอลของพ็อตเตอร์ยังไม่เข้ากับ DNA ของทีม

หนึ่งในประเด็นสำคัญที่นักวิเคราะห์ฟุตบอลอังกฤษพูดถึงคือ “การเข้ากันของสไตล์พ็อตเตอร์กับขุมกำลังเวสต์แฮม”

พ็อตเตอร์ชื่นชอบเกมต่อบอลจากแดนหลัง ใช้ระบบ 3-4-3 หรือ 4-2-3-1 ที่ผู้เล่นต้องหมุนตำแหน่งอย่างต่อเนื่อง ต้องใช้กองหลังที่เปิดบอลแม่น และมิดฟิลด์ที่ขยับหาช่องได้อย่างชาญฉลาด แต่ขุมกำลังของเวสต์แฮมยังคงอิงกับสไตล์ของ เดวิด มอยส์ ซึ่งเน้นเกมสวนกลับ การครอสจากด้านข้าง และการใช้พละกำลังในแดนกลาง

ผู้เล่นอย่าง ซูเช็ค, เอแมร์ซอน, หรือแม้แต่ อันโตนิโอ จึงต้องปรับตัวอย่างหนัก ผลที่ตามมาคือทีมขาดสมดุล บางนัดครองบอลได้ถึง 70% แต่ยิงเข้ากรอบเพียง 2 ครั้ง ในขณะที่เกมรับเสียจากความผิดพลาดเล็ก ๆ น้อย ๆ ซึ่งกลายเป็นจุดตายซ้ำซาก

นอกจากนี้ ระบบของพ็อตเตอร์ต้องใช้ “เวลาสร้างทีม” ซึ่งต่างจากความคาดหวังของบอร์ดที่ต้องการผลลัพธ์ทันที ปัจจัยนี้ทำให้บรรยากาศภายในทีมเริ่มอึมครึม และกระแสข่าวลือเรื่องความไม่มั่นคงของตำแหน่งเฮดโค้ชจึงเริ่มขยายตัว


4. การตอบสนองของบอร์ดบริหาร: เตรียมทางแก้สถานการณ์

จากข้อมูลภายในที่เผยแพร่โดยสื่ออังกฤษอย่าง The Athletic และ Daily Mail ระบุว่า บอร์ดของเวสต์แฮมกำลัง “วางแผนฉุกเฉิน” สำหรับกรณีที่พ็อตเตอร์ไม่สามารถพลิกสถานการณ์ได้ภายในสิ้นปีนี้

ทางเลือกแรกคือการ “ให้เวลาต่อจนจบฤดูกาล” เพื่อไม่ให้ทีมเสียเสถียรภาพกลางซีซั่น แต่จะมีการแต่งตั้งผู้อำนวยการเทคนิคเข้ามาช่วยกำหนดทิศทางการเสริมทัพแทนพ็อตเตอร์ในระยะสั้น

ทางเลือกที่สองคือ “การเปลี่ยนโค้ชทันที” หากผลงานในพรีเมียร์ลีกยังคงตกต่ำ โดยชื่อที่ถูกพูดถึงคือ รูเบน อาโมริม, เซร์คิโอ คอนไซเซา, และอดีตโค้ชทีมชาติอังกฤษ สตีฟ คูเปอร์ ซึ่งล้วนมีแนวทางฟุตบอลที่เน้นความกระชับและวินัยเกมรับ

แต่สิ่งที่บอร์ดคำนึงถึงมากที่สุดคือ “งบประมาณ” เพราะการปลดพ็อตเตอร์ก่อนหมดสัญญาจะทำให้สโมสรต้องจ่ายค่าชดเชยก้อนใหญ่ หลังจากที่เคยมีบทเรียนกับ เดวิด มอยส์ มาก่อนหน้านี้

การตัดสินใจจึงไม่ได้ขึ้นอยู่กับผลงานในสนามเพียงอย่างเดียว แต่ยังรวมถึงความพร้อมทางการเงินของสโมสรด้วย ซึ่งตามบทวิเคราะห์ของ ทางเข้า ufabet ออโต้ เข้าเร็วไม่สะดุด ได้ชี้ว่า เวสต์แฮมกำลังอยู่ในจุดที่ต้องเลือกว่าจะรักษาแนวทางระยะยาว หรือกลับไปสู่ฟุตบอลแบบปลอดภัยเพื่ออยู่รอดในพรีเมียร์ลีก


5. เสียงจากห้องแต่งตัว: ความเชื่อมั่นที่เริ่มสั่นคลอน

ในขณะที่ผู้บริหารยังลังเลระหว่างความอดทนและความจำเป็น นักเตะบางส่วนของทีมเริ่มแสดงความไม่มั่นใจในระบบใหม่ของพ็อตเตอร์ รายงานจาก Football Insider ระบุว่า มีผู้เล่นบางคนรู้สึกว่าการเปลี่ยนแท็กติกและตำแหน่งบ่อยเกินไปทำให้ทีมขาดความชัดเจน

ปาเกต้า ซึ่งเป็นหัวใจในเกมรุก ถูกสลับบทบาทจากเพลย์เมกเกอร์กลางสนามไปยืนริมเส้นบ่อยครั้ง ขณะที่ โบเว่น ต้องเล่นทั้งปีกและกองหน้าแบบ False 9 จนประสิทธิภาพลดลง ส่วนกัปตันทีมอย่าง ซูม่า ก็ต้องรับผิดชอบเกมรับหนักขึ้นเพราะแนวรับขึ้นสูง

แม้พ็อตเตอร์จะพยายามอธิบายว่าทั้งหมดคือ “การสร้างทีมให้ยั่งยืน” แต่ในโลกของฟุตบอลอังกฤษ ผลลัพธ์คือสิ่งที่พูดแทนทุกอย่าง และเมื่อผลการแข่งขันยังไม่ดีขึ้น เสียงวิจารณ์ย่อมดังขึ้นเป็นธรรมดา


6. การวิเคราะห์ของสื่อและผู้เชี่ยวชาญ

อดีตกองกลางอย่าง แดนนี่ เมอร์ฟี่ เคยกล่าวในรายการ Match of the Day ว่า “พ็อตเตอร์เป็นโค้ชที่เก่งในเชิงระบบ แต่เขาอาจพยายามเปลี่ยนเวสต์แฮมเร็วเกินไป”

ในขณะที่ เจมี่ คาร์ราเกอร์ ให้ความเห็นว่า “ฟุตบอลอังกฤษมีหลายทีมที่พยายามเล่นเหมือนแมนฯ ซิตี้ แต่ลืมไปว่าคุณต้องมีนักเตะระดับนั้นถึงจะเล่นได้จริง” ซึ่งดูจะตรงจุดกับสิ่งที่เวสต์แฮมกำลังเผชิญ

บรรดาสื่อสเปนและเยอรมันเองก็จับตามองสถานการณ์นี้อย่างใกล้ชิด เพราะหากพ็อตเตอร์ถูกปลด เขาอาจกลายเป็นตัวเลือกของสโมสรยุโรปหลายแห่งที่ต้องการโค้ชสายพัฒนาเยาวชนและเน้นแท็กติก เช่น อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม หรือ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น ในอนาคต


7. ความเห็นจากแฟนบอล: แบ่งออกเป็นสองขั้ว

แฟนบอลเวสต์แฮมในโซเชียลมีเดียแบ่งออกเป็นสองกลุ่มอย่างชัดเจน
กลุ่มแรกเชื่อในวิสัยทัศน์ของพ็อตเตอร์ โดยมองว่าเขากำลังวางรากฐานระยะยาวเพื่อให้ทีมเล่นฟุตบอลสมัยใหม่อย่างยั่งยืน กลุ่มนี้ยกตัวอย่างไบรท์ตันว่า “ต้องใช้เวลาหลายฤดูกว่าจะสำเร็จ”

แต่กลุ่มที่สองมองว่า “เวสต์แฮมไม่ใช่ทีมที่มีเวลารอ” เพราะพรีเมียร์ลีกไม่ให้โอกาสกับทีมที่ฟอร์มตกติดต่อกันหลายเกม ความเสี่ยงตกชั้นหรือการหลุดจากโควต้ายุโรปคือสิ่งที่สโมสรไม่อาจยอมรับได้

แฟนบอลหลายคนแสดงความเห็นผ่านช่องทางอย่าง ufabet บอลชุดออนไลน์ ราคาดีที่สุด ซึ่งเปิดพื้นที่ข่าวสารและบทวิเคราะห์ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกแบบครบถ้วน ว่าปัญหานี้ไม่ใช่เรื่องตัวบุคคล แต่คือ “การเปลี่ยนแนวทางเร็วเกินไป” ทำให้ผู้เล่นและทีมต้องปรับตัวพร้อมกันจนเสียความมั่นคงไปชั่วขณะ


8. ทางออกและแนวโน้มในอนาคต

หากเวสต์แฮมต้องการให้โครงการของพ็อตเตอร์สำเร็จ พวกเขาต้องยอมรับ “ช่วงรอยต่อ” ที่ยากลำบาก เพราะฟุตบอลที่เน้นแท็กติกและการเคลื่อนที่ซับซ้อนต้องอาศัยเวลาในการปลูกฝัง

อย่างไรก็ตาม หากผลงานยังไม่ดีขึ้นจนถึงช่วงคริสต์มาส การเปลี่ยนแปลงก็อาจหลีกเลี่ยงไม่ได้ ปัจจุบันบอร์ดบริหารเริ่มประเมินตัวเลือกที่เป็นไปได้ เช่น รูเบน อาโมริม ที่เน้นบอลเพรสซิ่งสูง หรือ คูเปอร์ ที่มีประสบการณ์พาทีมรอดตกชั้นมาแล้วหลายครั้ง

สิ่งสำคัญคือการสื่อสารระหว่างทีมผู้บริหารและนักเตะต้องชัดเจน เพื่อไม่ให้ความไม่แน่นอนกลายเป็นความแตกแยก


9. ผลกระทบต่อพรีเมียร์ลีกและภาพรวมของฟุตบอลอังกฤษ

หากเวสต์แฮมปลดพ็อตเตอร์ในช่วงกลางฤดูกาล จะกลายเป็นหนึ่งใน “เหตุการณ์ใหญ่” ของพรีเมียร์ลีก เพราะนี่คือโค้ชที่เคยถูกยกย่องว่าเป็นอนาคตของทีมชาติอังกฤษ การล้มเหลวอีกครั้งหลังเชลซีอาจทำให้ชื่อเสียงของเขาสั่นคลอนอย่างรุนแรง

ในทางกลับกัน หากเขาสามารถพลิกสถานการณ์และพาทีมกลับมามีลุ้นโควต้ายุโรปได้อีกครั้ง เขาอาจพิสูจน์ได้ว่าการสร้างทีมด้วยวิธีของเขามีคุณค่าและยั่งยืนกว่าแนวทางเดิม

ไม่ว่าผลลัพธ์จะออกมาอย่างไร เรื่องราวของพ็อตเตอร์และเวสต์แฮมในฤดูกาลนี้จะกลายเป็นบทเรียนสำคัญสำหรับวงการฟุตบอลอังกฤษ ว่าการเปลี่ยนแนวคิดต้องมาพร้อมกับการบริหารจัดการที่รอบคอบเสมอ


10. บทสรุป: ทางสองแพร่งของขุนค้อน

สถานการณ์ของเวสต์แฮมในตอนนี้ไม่ต่างจากทีมที่ยืนอยู่บนทางแยก — ระหว่าง “ความอดทนเพื่ออนาคต” กับ “การเปลี่ยนแปลงเพื่อความอยู่รอด”

แกรม พ็อตเตอร์ อาจยังคงได้รับโอกาสต่ออีกระยะ แต่แรงกดดันจากทั้งในและนอกสนามกำลังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เขาต้องรีบหาทางทำให้ทีมกลับมาเล่นได้อย่างมั่นใจ หากไม่เช่นนั้น เสียงเรียกร้องให้เปลี่ยนโค้ชจะดังขึ้นเรื่อย ๆ

แฟนบอลและนักวิเคราะห์ต่างเฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิด เช่นเดียวกับแพลตฟอร์มอย่าง สมัคร ufabet ล่าสุด โปรโมชั่นจัดเต็ม ที่นำเสนอทั้งข่าว วิเคราะห์ และข้อมูลเดิมพันอย่างละเอียดในทุกแมตช์พรีเมียร์ลีก ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า “ฟุตบอลไม่ใช่แค่เกม แต่คือธุรกิจที่ทุกการตัดสินใจมีผลต่ออนาคตของสโมสร”