เดวิด มอยส์ เปิดใจหลังศึกเมอร์ซีย์ไซด์ ดาร์บี้ เอฟเวอร์ตัน พ่ายลิเวอร์พูล

Browse By

ศึก เมอร์ซีย์ไซด์ ดาร์บี้แมตช์ ที่เต็มไปด้วยอารมณ์ ความดุดัน และความกดดันในทุกจังหวะ จบลงด้วยความผิดหวังของฝั่ง เอฟเวอร์ตัน ที่ต้องยอมรับความพ่ายแพ้ต่อ ลิเวอร์พูล 1-2 ที่แอนฟิลด์

สำหรับแฟนบอล เอฟเวอร์ตัน การแพ้ในเกมนี้ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ — เพราะพวกเขารู้ดีว่าสนามเหย้าของคู่ปรับร่วมเมืองเป็นสถานที่ที่ยากจะบุกมาเก็บแต้มได้ แต่สิ่งที่ทำให้เกมนี้น่าจดจำคือ “หัวใจของทีม” ที่ยังคงสู้จนวินาทีสุดท้าย

หลังจบเกม เดวิด มอยส์ กุนซือมากประสบการณ์ชาวสกอตแลนด์ ซึ่งกลับมาคุมทีมเอฟเวอร์ตันอีกครั้งในซีซั่นนี้ ได้ออกมาเปิดใจอย่างตรงไปตรงมาว่า แม้ผลการแข่งขันจะไม่เป็นใจ แต่เขาภูมิใจในทัศนคติและความมุ่งมั่นของลูกทีมทุกคน

“เราสู้เต็มที่แล้ว ลิเวอร์พูลเล่นได้ดีมากและสมควรชนะ แต่ผมภูมิใจในความพยายามของลูกทีม พวกเขาไม่ยอมแพ้จนจบ” — มอยส์ กล่าวหลังเกม

2. บรรยากาศก่อนเกม: ความทรงจำของดาร์บี้ที่ไม่เคยจาง

ทุกครั้งที่เมอร์ซีย์ไซด์ ดาร์บี้มาถึง เมืองลิเวอร์พูลจะถูกแบ่งออกเป็นสองฝั่งอย่างชัดเจน — สีแดงของ “หงส์แดง ลิเวอร์พูล” และสีฟ้าของ “ทอฟฟี่สีน้ำเงิน เอฟเวอร์ตัน”

สำหรับ เดวิด มอยส์ เกมนี้มีความหมายมากเป็นพิเศษ เพราะนี่คือการกลับมาคุมเอฟเวอร์ตันในเกมดาร์บี้อีกครั้ง หลังจากห่างหายไปหลายปี เขาเคยคุมทีมชุดนี้สู้ศึกกับลิเวอร์พูลมานับครั้งไม่ถ้วน และเข้าใจดีว่าดาร์บี้นี้ “ไม่ใช่แค่สามแต้ม แต่คือเกียรติของทั้งเมือง”

แฟนบอลในกูดิสัน ปาร์ค ต่างคาดหวังว่ามอยส์จะนำความแข็งแกร่งและวินัยกลับมาสู่ทีมอีกครั้ง และแม้จะต้องเจอศึกหนักที่แอนฟิลด์ เขาก็ย้ำกับลูกทีมก่อนเกมว่า

“ไม่มีใครจำเกมธรรมดาได้หรอก แต่ทุกคนจะจำได้ว่าเราทำอะไรในดาร์บี้”

คำพูดนี้สะท้อนถึงความเข้าใจลึกซึ้งในความหมายของเกมนี้สำหรับชาวเมืองลิเวอร์พูลทั้งสองฝั่ง


3. แท็กติกและการวางเกมของมอยส์: ป้องกันแน่นรอสวน

เดวิด มอยส์ ยังคงยึดแนวทางฟุตบอลที่เป็นเอกลักษณ์ของเขา — ระเบียบเกมรับที่แน่นหนา และการสวนกลับที่เฉียบคม

เขาวางระบบ 5-4-1 โดยให้ โดมินิก คัลเวิร์ต-ลูวิน ยืนเป็นหน้าเป้าเพียงคนเดียว ขณะที่แดนกลางมี อับดูลาเย ดูกูเร่ กับ อิดริสซ่า เกย์ เป็นแกนหลักคอยตัดบอลและเริ่มเกมสวนกลับ

เอฟเวอร์ตันตั้งใจรับลึก ปิดพื้นที่ระหว่างกลางเพื่อจำกัดการเล่นของซาลาห์และดิอาซ ซึ่งในช่วง 30 นาทีแรก แผนนี้ได้ผลอย่างมาก ลิเวอร์พูลแม้จะครองบอลได้มากกว่า แต่เจาะไม่เข้า

จุดที่มอยส์วางหมากได้อย่างน่าสนใจคือการให้ แอชลีย์ ยัง กับ วิตาลี่ มิโคเลนโก้ คอยดักจังหวะเทรนต์และโรเบิร์ตสันไม่ให้เติมเกมได้ง่าย ซึ่งทำให้ลิเวอร์พูลต้องพยายามเล่นบอลยาวหลายครั้ง

อย่างไรก็ตาม ความต่างของ “คุณภาพในการจบสกอร์” คือสิ่งที่ทำให้ผลลัพธ์ต่างกัน ลิเวอร์พูลใช้โอกาสไม่มากแต่ทำได้ ส่วนเอฟเวอร์ตันแม้จะมีจังหวะโต้กลับสวย ๆ 2-3 ครั้ง แต่กลับไม่เฉียบพอ


4. ช่วงเวลาหัวใจเต้นแรง: จากความหวังสู่ความเจ็บปวด

หลังจากโดนนำในครึ่งแรก เอฟเวอร์ตันยังไม่ยอมแพ้ พวกเขาเริ่มเปิดเกมมากขึ้นในครึ่งหลัง มอยส์สั่งให้วิงแบ็กเติมสูง และจังหวะหนึ่งในนาทีที่ 67 พวกเขาก็ตีเสมอได้จากลูกโหม่งของ คัลเวิร์ต-ลูวิน ที่พุ่งชนเสาเข้าไปอย่างสวยงาม

แฟนบอลทอฟฟี่ในมุมเล็ก ๆ ของแอนฟิลด์เฮกันลั่น สนามทั้งสนามกลายเป็นทะเลแห่งเสียงเชียร์ที่แตกต่างกันสุดขั้ว นั่นคือช่วงเวลาที่ความหวังกลับมา

แต่แล้วในนาทีที่ 82 ลิเวอร์พูลมาได้ประตูชัยจากลูกยิงของ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ หลังจากการต่อบอลสุดไหลลื่นในกรอบเขตโทษ เอฟเวอร์ตันพยายามโต้ตอบแต่ไม่ทันเวลา เสียงนกหวีดสุดท้ายดังขึ้นพร้อมความผิดหวังที่ปนความภูมิใจ


5. คำพูดหลังเกมของมอยส์: “เราสู้ได้ดี แต่แพ้เพราะรายละเอียด”

หลังจบเกม เดวิด มอยส์ ให้สัมภาษณ์อย่างใจเย็น เขายอมรับว่าลิเวอร์พูลเหนือกว่าในด้านคุณภาพ แต่ยืนยันว่าทีมของเขาเล่นได้ตามแผนและสู้เต็มที่

“เรามีช่วงเวลาที่ดีในเกมนี้ ผมคิดว่าถ้าโชคเข้าข้างนิดเดียว เราอาจได้แต้มกลับบ้าน แต่ต้องยอมรับว่าความเฉียบคมของซาลาห์คือความต่าง”

เขายังกล่าวต่อว่า “สิ่งที่ผมพอใจที่สุดคือทัศนคติของนักเตะ ทุกคนทำตามแผน เล่นด้วยหัวใจ และไม่ยอมให้เกมนี้ง่ายสำหรับลิเวอร์พูลเลย”

มอยส์ยังชี้ให้เห็นปัญหาที่ต้องปรับปรุง โดยเฉพาะการจบสกอร์และความนิ่งในช่วงท้ายเกม ซึ่งเป็นปัจจัยที่ทำให้พวกเขาพลาดแต้มสำคัญ


6. บทวิเคราะห์เชิงแท็กติก: จุดแข็ง จุดอ่อน และสิ่งที่ต้องแก้

หากมองในเชิงแท็กติก เอฟเวอร์ตันของมอยส์มีความเป็นระบบและวินัยมากขึ้น การยืนตำแหน่งในเกมรับถือว่าทำได้ดี โดยเฉพาะการป้องกันพื้นที่กลางที่ทำให้ลิเวอร์พูลต้องเปลี่ยนแผนหลายครั้ง

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ยังเป็นจุดอ่อนคือ “การเปลี่ยนจากรับเป็นรุก” ซึ่งขาดความแม่นยำในจังหวะสุดท้าย การขาดผู้เล่นที่สามารถสร้างสรรค์เกมแบบมีคุณภาพ เช่น เพลย์เมกเกอร์ที่กล้าจ่ายทะลุช่อง ทำให้การสวนกลับของเอฟเวอร์ตันไม่เฉียบพอ

ufabet เว็บตรงทางเข้า เล่นได้ทุกที่เคยวิเคราะห์ไว้ก่อนเกมว่า ความแตกต่างระหว่างสองทีมอยู่ที่ “คุณภาพในแดนหน้า” ซึ่งในเกมนี้พิสูจน์ชัด — ลิเวอร์พูลมีซาลาห์ ส่วนเอฟเวอร์ตันไม่มีใครที่สามารถพลิกเกมได้ในจังหวะเดียว


7. เสียงจากแฟนบอลเอฟเวอร์ตัน: ความผิดหวังที่ยังมีความหวัง

หลังจบเกม แฟนบอลเอฟเวอร์ตันในโลกออนไลน์ส่วนใหญ่แสดงความเห็นไปในทางเดียวกันว่า ทีมเล่นได้ดีเกินคาด พวกเขาเห็น “ความมุ่งมั่นแบบยุคเก่าของมอยส์” กลับมาอีกครั้ง แม้จะแพ้แต่แฟน ๆ ยังเชื่อในทิศทางที่ทีมกำลังเดิน

ข้อความหนึ่งในเว็บบอร์ดของแฟนบอลระบุว่า

“เราอาจแพ้ แต่เราแพ้อย่างมีศักดิ์ศรี เราเห็นทีมที่ต่อสู้จนวินาทีสุดท้ายอีกครั้ง”

ในขณะที่อีกเสียงหนึ่งกล่าวว่า

“มอยส์คือคนที่เข้าใจเอฟเวอร์ตันที่สุดในรอบสิบปี แม้จะยังต้องพัฒนา แต่ผมเชื่อว่าเขาจะพาทีมกลับมายืนหยัดได้”

เสียงสนับสนุนเช่นนี้คือสิ่งสำคัญสำหรับกุนซือในช่วงสร้างทีมใหม่


8. ผลกระทบต่ออนาคตของมอยส์และเอฟเวอร์ตัน

ความพ่ายแพ้ในเกมดาร์บี้อาจสร้างความผิดหวัง แต่ก็ไม่ได้ทำให้เก้าอี้ของมอยส์สั่นคลอน ในทางกลับกัน บอร์ดบริหารของเอฟเวอร์ตันกลับพอใจในแนวทางและความทุ่มเทที่เห็นจากนักเตะ

เขากำลังสร้างทีมที่มีโครงสร้างชัดเจน วางรากฐานด้วยแนวรับแข็งแกร่งและระบบที่ทุกคนเข้าใจตรงกัน ซึ่งเป็นสิ่งที่เอฟเวอร์ตันขาดหายไปในช่วงหลายปีที่ผ่านมา

ในฤดูกาลที่ยาวไกล มอยส์ยังมีเวลาและโอกาสที่จะพาทีมหนีจากโซนท้ายตาราง และอาจกลับไปสู่เส้นทางการลุ้นพื้นที่ยุโรปได้ในอนาคตหากรักษาความสม่ำเสมอได้


9. มุมมองจากผู้เชี่ยวชาญและสื่ออังกฤษ

นักวิเคราะห์จาก Sky Sports และ The Guardian ต่างชื่นชมแนวทางของมอยส์ โดยระบุว่า เอฟเวอร์ตันภายใต้การคุมทีมของเขา “กลับมามีโครงสร้างที่ชัดเจน” และ “เล่นอย่างมีระเบียบ” อีกครั้ง

อดีตนักเตะอย่าง เจมี คาร์ราเกอร์ กล่าวในรายการ Monday Night Football ว่า

“คุณจะเห็นเลยว่าเอฟเวอร์ตันมีระเบียบมากขึ้น พวกเขามีแผนที่ชัดเจนในการตั้งรับ แต่สิ่งที่ยังขาดคือผู้เล่นที่จะทำให้แผนนี้ได้ผลในแดนหน้า”

ส่วนบทความวิเคราะห์จาก สมัคร ufabet ล่าสุด โปรโมชั่นจัดเต็ม ชี้ว่า หากเอฟเวอร์ตันสามารถเสริมผู้เล่นแนวรุกที่มีคุณภาพในตลาดเดือนมกราคม โอกาสในการหนีโซนอันตรายและกลับมามีลุ้นพื้นที่กลางตารางจะสูงมาก เพราะระบบของมอยส์เริ่มเห็นผลชัดเจน


10. บทสรุป: แพ้ในสกอร์ แต่ชนะในหัวใจแฟนบอล

แม้เอฟเวอร์ตันจะพ่ายในศึกเมอร์ซีย์ไซด์ ดาร์บี้ แต่สิ่งที่แฟนบอลเห็นคือ “การกลับมาของจิตวิญญาณทีม” ภายใต้การคุมทีมของเดวิด มอยส์

เขาสามารถปลุกความมุ่งมั่นให้ลูกทีมเล่นด้วยหัวใจ แม้จะเป็นรองในด้านคุณภาพแต่ก็ไม่ยอมแพ้จนสิ้นเสียงนกหวีดสุดท้าย และนั่นคือสิ่งที่แฟนบอลต้องการเห็นมานาน

มอยส์เองกล่าวปิดท้ายว่า

“ผมเชื่อว่าทีมนี้กำลังจะดีขึ้นทุกสัปดาห์ และเราจะกลับมาทำให้แฟนบอลภาคภูมิใจได้แน่นอน”

สำหรับแฟนฟุตบอลทั่วโลกที่ติดตามผ่าน ufabet บอลชุดออนไลน์ ราคาดีที่สุด เกมนี้คืออีกหนึ่งบทพิสูจน์ของฟุตบอลที่แท้จริง — ไม่ใช่เพียงเรื่องของชัยชนะหรือความพ่ายแพ้ แต่คือ “หัวใจและความศรัทธา” ที่ทำให้ทุกนาทีในสนามมีความหมาย